1. สูดดมกลิ่นหอม
รู้หรือเปล่าว่ากลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียดๆลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้อย่าง กุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยตรงโต๊ะทำงานก็ไม่เลวนะเชื่อสิว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว
รู้หรือเปล่าว่ากลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียดๆลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้อย่าง กุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยตรงโต๊ะทำงานก็ไม่เลวนะเชื่อสิว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว
2. หนังสือบำบัด
หาหนังสือที่อ่านแล้วสบายใจเล่มบางๆมาไว้ใกล้มือเครียดเมื่อไร หยิบมาพลิกอ่านสักหน้าสองหน้าแก้เครียด
3. จินตนาการแสนสุข
อีกทางเลือกในการบรรเทาความเครียดคือ ดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน โดยหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วหยุดไว้สองงวินาทีก่อนหายใจออก การหยุดช่วงสั้นๆจะมีผลทำให้ระบบประสาทสงบลง ทำแบบนี้ในที่เงียบๆสัก 5 นาที รับรองว่าจะรู้สึกดีแบบทันตาเห็น จากนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในการทำงาน เช่น วันที่ได้รับคำชมจากเจ้านาย หรืองานชิ้นโบแดงที่คุณทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นต้น
4. ตากอากาศระยะสั้น
เมื่อความเครียดรุมเร้าก็ไม่ควรอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ทางที่ดีคุณควรหาเวลาหลบไปสุดอากาศบริสุทธิ์ใกล้ๆ ธรรมชาติสักพักอาจเป็นสวนหย่อมในที่ทำงานหรือคาเฟทีเรียใกล้ๆ จากนั้นเดินผ่อนคลายและหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่มันมาจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป Wow ! เพียงแค่ 10 นาที วิธีนี้จะชาร์จพลังให้หัวใจของคุรดีขึ้นได้
5. รู้จัก “ เลี่ยง ”
เมื่อถึงเวลา ในชีวิตการทำงานมักมีหลายเรื่องที่เข้ามากระทบความรู้สึกจนเกิดอารมณ์ แต่แทนที่จะตอบโต้กลับทันทีอย่างขาดสติ จนอาจทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต การเดินหนีไปก่อน รอให้อารมณ์เย็นลง หรืออยู่กับโต๊ะทำงานตัวเองเงียบๆ จัดข้าวของหรือหาอะไรทำที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงมากลดความเครียดลงได้จนกว่าคุณพร้อมที่จะกลับมาลุยอีกครั้ง
6. โทรหาเพื่อนรู้ใจ
อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ทุกปัญหาได้ไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งแค่ไหน ก็ยังต้องการที่พึ่งพิงบ้าง ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสักคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้การมีคนรับฟังและให้คำปรึกษาจะทำให้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า คุณไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก แต่ขอเตือนว่าอย่าเมาท์เพลินจนเสียงานก็แล้วกัน
7. อย่าคาดหมายล่วงหน้า
การมัวแต่คิดถึงการนัดหมายสำคัญๆ ในวันรุ่งขึ้นจะทำให้เข้านอนดึกด้วยความกังวลและเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ทางที่ดีทำใจให้สบาย ผ่อนคลายให้มากที่สุด บอกตัวเองว่าพักให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้จะดีเองจากนั้นตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้า เพื่อจะได้เตรียมตัวจนมั่นใจโดยไม่อ่อนเพลีย
8. ทดลองหลับ
จำไว้ว่าการมองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ขัน คิดถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้น นึกถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณ ก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นไ บางตำรากล่าวไว้ว่า วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความเครียดคือ การฝึกจิตง่ายๆครั้งละ 10 – 15 นาที เช้าและเย็น ด้วยการนั่งสบายๆที่โต๊ะทำงานของคุณ หนุนศีรษะบนแขนที่วางไขว้กัน หรือหาที่เหมาะๆนอนเหยียดยาว หลับตาและปล่อยตัวตามสบายเพื่อผ่อนคลายง่ายๆ Did you know ? ในทางทฤษฏีว่าไว้ เมื่อคุณหลับตา สามารถตัดข้อมูลต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่สมองได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์
9. พลังแห่งการสัมผัสถ้ามีเพื่อนสนิท
ในที่ทำงานอาจสลับสับเปลี่ยนกันนวดบรรเทาอาการเครียด เพราะการโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆเวลารู้สึกเหนื่อยล้าจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ชื่อออกซิโทชิน ช่วยลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ Thust do ! นวดศีรษะโดยกางนิ้วนวดเบาๆไล้จากคางขึ้นไปถึงหน้าผาก แล้วย้อนกลับมาที่ท้ายทอยหรือจะนวดบริเวณหางตาด้วยก็ได้
10. สร้างอารมณ์ขัน
หลังจากทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ลองชวนเพื่อนที่มีอารมณ์ขันคุยเบาๆ จะช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง คนที่หัวเราะง่ายมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของระบบประสาททางหนึ่งด้วย (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด ) Did you Know ? สำหรับบางคน การหัวเราะเพียงครั้งเดียวมีค่าเท่ากับการผ่อนคลายสี่สิบห้านาทีแต็มทีเดียว
11. หามุมสงบ – ฟังเพลง ฟังเพลงเบาๆ
โดยเฉพาะเพลงแนว Meditation ทั้งเสียงบรรเลงดนตรีและเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์
12. สร้างกำลังใจให้ตัวเอง
ความผิดพลาดบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้แล้วก็จำเป็นต้องยอมรับแล้วใช้เป็นบทเรียน แต่จงอย่าให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็นสิ่งที่มากดดันให้คุณเครียดจนเกินไป Thust do ! อย่ามัวคิดถึงสิ่งผิดพลาดไปแล้วควรเปิดใจให้กว้างและกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาในการหาทางแกัไขให้ดีขึ้น
13. คิดในทางบวก
9. พลังแห่งการสัมผัสถ้ามีเพื่อนสนิท
ในที่ทำงานอาจสลับสับเปลี่ยนกันนวดบรรเทาอาการเครียด เพราะการโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆเวลารู้สึกเหนื่อยล้าจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ชื่อออกซิโทชิน ช่วยลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ Thust do ! นวดศีรษะโดยกางนิ้วนวดเบาๆไล้จากคางขึ้นไปถึงหน้าผาก แล้วย้อนกลับมาที่ท้ายทอยหรือจะนวดบริเวณหางตาด้วยก็ได้
10. สร้างอารมณ์ขัน
หลังจากทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ลองชวนเพื่อนที่มีอารมณ์ขันคุยเบาๆ จะช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง คนที่หัวเราะง่ายมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของระบบประสาททางหนึ่งด้วย (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด ) Did you Know ? สำหรับบางคน การหัวเราะเพียงครั้งเดียวมีค่าเท่ากับการผ่อนคลายสี่สิบห้านาทีแต็มทีเดียว
11. หามุมสงบ – ฟังเพลง ฟังเพลงเบาๆ
โดยเฉพาะเพลงแนว Meditation ทั้งเสียงบรรเลงดนตรีและเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์
12. สร้างกำลังใจให้ตัวเอง
ความผิดพลาดบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้แล้วก็จำเป็นต้องยอมรับแล้วใช้เป็นบทเรียน แต่จงอย่าให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็นสิ่งที่มากดดันให้คุณเครียดจนเกินไป Thust do ! อย่ามัวคิดถึงสิ่งผิดพลาดไปแล้วควรเปิดใจให้กว้างและกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาในการหาทางแกัไขให้ดีขึ้น
13. คิดในทางบวก
จำไว้ว่าการมองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ขัน คิดถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้น นึกถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณ ก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น